ที่เที่ยวภาคกลาง

ที่เที่ยวภาคกลาง จัดอันดับสถานที่ท่องเที่ยวในภาคกลาง ที่สวยงามและน่าไปเยือน

ที่เที่ยวภาคกลาง ย้อนอดีตไปเที่ยวกรุงศรีอยุธยา ณ วัดไชยวัฒนาราม จะสวยงามแค่ไหน?

ที่เที่ยวภาคกลาง ตั้งแต่ละครเรื่องบุพเพสันนิวาส ได้ออนแอร์ไป ก็ต้องบอกเลยว่า มีสถานที่ท่องเที่ยว ภายในจังหวัดพระนครศรีอยุธยามากมาย ที่นักท่องเที่ยว อยากจะมาเที่ยวชมความงาม และอยากจะมาตามรอยแม่หญิงการะเกด อย่างสถานที่แห่งนี้ ก็เป็นหนึ่งใน สถานที่ที่นักท่องเที่ยว หลั่งไหลมาเที่ยวช ความงดงามและเก่าแก่ อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้นว่า วัดไชยวัฒนาราม เป็นวัดที่มีความเก่าแก่

มาตั้งแต่ช่วงสมัยอยุธยาตอนปลาย มีบันทึกว่า วันแห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2173 โดยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง เพื่ออุทิศพระราชกุศล ถวายพระราชมารดา มีการำลองสถาปัตยกรรม มาจากปราสาทนครวัด ซึ่งได้รับอิทธิพลบางส่วน มาจากศิลปะขอม และได้มีการขึ้นทะเบียน

ให้เป็นโบราณสถานของชาติ เิปิดให้บริการนักท่องเที่ยวทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-18.00 น.ค่าเข้าชมของคนไทย เพียงแค่คนละ 5 บาทเท่านั้น ใครที่ชื่นชอบในการ ท่องเที่ยวแบบอิงประวัติศาสตร์ และเป็นสถานที่เที่ยว ที่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ เดินทางมา 1 ชั่วโมงนิดๆเท่านั้นก็ถึงจุดหมายแล้ว

ที่เที่ยวภาคกลาง

ที่เที่ยวภาคกลาง เดินตลาดที่ได้ขึ้นชื่อว่า น่าหวาดเสียวที่สุดในโลกที่แม่กลอง จะเป็นตลาดอะไร?

เมื่อพูดถึง จ.สมุทรสงคราม หลายๆคนคงจะนึกถึงสถานที่เที่ยวอย่าง ตลาดน้ำอัมพวา แต่บอกเลยว่า ตลาดที่เราจะพาคุณไปเที่ยวแห่งนี้ จะทำให้คุณ ทั้งทึ่งทั้งเสียวกันเลยทีเดียวล่ะ เพราะที่นี่คือ ตลาดร่มหุบ หรือที่คนท้องถิ่นเรียกกันว่า ตลาดแม่กลอง

ตลาดแห่งนี้ มีความแปลกตรงที่ว่า พ่อค้าแม่ค้า จะขายของกางร่มและ วางสินค้ากันไว้แนบชิดกับรางรถไฟ และจะมีสัญญาณเตือนเมื่อรถไฟมา บรรดาพ่อค้าแม่ค้าก็จะ หุบร่ม และทยอยเก็บตะกร้า กระบุงสินค้า และหุบร่มเก็บเข้าที่อย่างรวดเร็ว และเมื่อรถไฟวิ่งผ่านไปแล้ว

ของก็จะถูกจัดวางไว้ แนบชิดรางรถไฟเช่นเคย หากนักท่องเที่ยวคนไหน อยากที่จะมาชม บรรยากาศที่น่าตื่นเต้น ตื่นตาตื่นใจเช่นนี้ ก็สามารถเดินทาง ปักหมุดมาได้ที่ ตลาดร่มหุมแม่กลอง ตลาดแห่งนี้มีสินค้ามากมาย ทั้งของสดของแห้ง ผักผลไม้

ของทะเลก็มีเช่นเดียวกัน มาจับจ่ายใช้สอย อุดหนุนพ่อค้าแม่ค้ากันได้ และที่นี่ถกจัดให้เป็น ที่เที่ยวUnSeen ของประเทศไทยเลยทีเดียว 

ที่เที่ยวภาคกลาง สถานที่เที่ยวใกล้เมืองกรุงฯ ที่คุณจะต้องตกหลุมรัก มาดูว่าจะเป็นที่ใด?

ใครที่อยู่กรุงเทพฯ และมีวันหยุดเพียงน้อยนิด แต่อยากจะไปเที่ยวสถานที่สวยๆ เพื่อพักผ่อนหย่อนใจ วันนี้เรามีสถาน ที่เที่ยวใกล้กรุงเทพฯ มาฝากคุณ สถานที่แห่งนี้ก็คือ เกาะเกร็ด หลายท่านน่าจะคุ้นหูกันดี ว่าเกาะเกร็ดแห่งนี้ ตั้งอยู่ที่ จังหวัดนนทบุรี

ซึ่งถูกล้อมร้อมไปด้วย แม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งคุณสามารถที่จะเดินทางไปยังเกาะเกร็ด ได้หลากหลายวิธีด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น การนั่งรสบัสประจำทาง หรือจะเป็นรถตู้ รถส่วนตัว และแท็กซี่ให้ถึงม่าเรือ โดยที่ท่าเรือวัดสนามเหนือ ก็จะเปิดให้บริการ กันตั้งแต่เช้าจรดเย็น

ช่วงที่นักท่องเที่ยว เริ่มที่จะเดินทางเข้ามากัน ก็จะเป็นช่วงราวๆ 8-9 โมงเช้า เมื่อลงเรือไปแล้ว ต้องบอกเลยว่า ภายในเรือก็จะเป็น ที่นั่งแบบเก้าอี้พลาสติก และมีที่ให้คุณได้ยืน ค่าโโยสารก็เพียงแค่ คนละ 2 บาทเท่านั้นเอง สามารถจ่ายได้ที่ท่าเรือฝั่งเกาะเกร็ด

ทั้งขาไปและขากลับ พอถึงเกาะเกร็ดแล้ว คสิ่งที่คุณจะเห็นเป็นอันดับแรก นั่นก็คือ อาหารการกินอย่าง ร้านดอกไม้ ร้านนี้ถือว่าเป็น ของดีประจำเกาะเกร็ดเลยก็ว่าได้ เพราะจะมีดอกไม้นานาชนิดที่กินได้ นำมาชุบแป้งทอด แถมที่นี่ยังมีจักรยานให้เช่า

ปั่นเที่ยวชมกันอีกด้วย ที่นี่มีทั้งร้านขนมโบราณ ร้านของกินของฝากมากมาย ให้คุณได้เลือกซื้อเลือกชิม และถ้ามาเกาะเกร็ด พลาดไม่ได้เลย ที่จะมาที่เจดีย์เอียง หรือพระเจดีย์มุเตา วัดปรมัยยิกาวาส เป็นแลนด์มาร์คที่สำคัญของเกาะเกร็ด ว่ากันว่าเจดีย์องค์นี้ คือศิลปะแบบมอญขนานแท้ ที่จำลองมาจากหงสาวดี

ที่เที่ยวภาคกลาง

แบกเป้เที่ยว สถานที่เที่ยวทางธรรมชาติ ที่สวยงามที่สุดในพิษณุโลก 

หากคุณเป็นสายลุย สายกางเต็นท์ สายรักธรรมชาติ บอกเลยว่าต้องมาเที่ยวที่นี่ อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว ต้องบอกเลยว่าอุทยานแห่งนี้ อยู่ในพื้นที่ของป่าสงวนแห่งชาติ ป่าน้ำปาด ซึ่งสถานที่ตั้งกินพื้นที่ไปถึง 2 จังหวัด นั่นก็คืออุตรดิตถ์ และจังหวัดพิษณุโลก

แต่เราจะมาพูดถึง ในฝั่งของจังหวัดพิษณุโลกกัน พื้นที่ป่าแห่งนี้ ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ ปกคลุมไปด้วยธรรมชาติ ที่มีความสวยงาม ไม่ว่าจะเป็นแม่น้ำลำธาร และสถานที่ฮอตฮิตที่สุด ที่นักท่องเที่ยวอยากจะไปเยือน นั่นก็คือ ยอดสูงสุดของภูสอยดาว ภูสอยดาวแห่งนี้เรียกได้ว่า

มีสถิติความสูงจากระดับน้ำทะเลถึง 2,102 เมตรไปทีเดียว ซึ่งถือว่าเป็นยอดเขาที่ สูงที่สุดเป็นอันดับ 4 ในประเทศไทย จึงทำให้เป็นจุดสนใจ ให้นักท่องเที่ยว ได้เข้ามาเที่ยวชม นอกจากนี้ยังมีทุ่งดอกไม้นานาพันธุ์ ให้คุณได้เข้ามาถ่ายรูป ตั้งแต่ช่วงเดือนสิงหาคม

ไปจนถึงเดือนกันยายนของทุกๆปี มีดอกไม้ชนิดหนึ่ง ที่เรียกได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ ของอุทยานแห่งนี้นั่นก็คือ ดอกหงอนนาค หาการเดินทาง จะค่อนข้างลำบากไปสักนิด แต่รับรองเลยว่าไม่ได้มาเยือนที่นี่แล้ว คุณได้สัมผัสทั้ง วิวพระอาทิตย์ขึ้น พระอาทิตย์ตก

และเมื่อเห็นวิวท้องฟ้าที่สวยงาม คุณจะไม่มีวันลืมที่นี่เลยล่ะ ยิ่งหากได้ไปกับเพื่อนๆ บอกเลยว่าคงมีความสุขสุดๆ สำหรับค่าเข้าชมอุทยานแห่งนี้ อยู่ที่ราคา 40 บาทสำหรับผู้ใหญ่เลย 20 บาทสำหรับเด็กเปิดทำการทุกวัน ตั้งแต่ 8:00 น. ไปจนถึง 14.00 น. นับว่าเป็น ที่เที่ยวทางธรรมชาติ ในภาคกลางที่มีความสวยงามสุดๆ

ปิดท้ายกันที่ วัดที่ขึ้นชื่อว่าเก่าแก่ และมีความเป็นมายาวนาน ที่จ.สิงห์บุรี 

สถานที่เที่ยวภาคกลาง แห่งนี้มีชื่อว่า วัดไทร หรือที่มีชื่อเดิมว่า วัดทะยาน มีที่ตั้งอยู่ที่ อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรีซึ่งอยู่ติดกับ ริมน้ำเจ้าพระยา โดยบรรยากาศภายในวัด มีความร่มรื่นเป็นอย่างมาก มีเรื่องราวเล่าขาน ติดต่อกันมาอย่างยาวนาน ว่าในอดีต

เคยมีพระธุดงค์ มาพบว่าที่นี่เป็นวัดร้าง และในรอบมีต้นไทรขึ้นอยู่ อย่างหนาแน่น จึงได้บอกให้ชาวบ้านนั้น เรียนชื่อวัดนี้ว่าวัดไทร สันนิษฐานว่า ถูกสร้างขึ้น ในช่วงสมัยกรุงศรีอยุธยา ความพิเศษของวัดแห่งนี้ ก็คือโบสถ์ ซึ่งตัวโบสถ์ เป็นกำแพงอิฐ

ที่มีรากต้นไทรยึดล้อมรอบเอาไว้ โบสถ์เพื่อไม่ให้อิฐโโยรอบ พังทลายลงมา ในส่วนของหลังคานั้น จะเป็นร่มเงาจากใบของต้นไทร ทั้งบริเวณภายในวัด ก็ยังมีศาลาเก่าแก่ที่ได้ทรุดโทรม และผุพังไปบ้างแล้ว พิเศษที่อยู่ภายในโบสถ์หลังนี้ ก็คือองค์พระประธาน

ที่ประดิษฐานอยู่ภายโบสถ์ ในคนท้องถิ่นเก่าแก่ จะเรียกพระประธานองค์นี้ว่า หลวงพ่อขาว หรือหลวงพ่อทะยาน ปัจจุบันนี้เรียกกันว่า หลวงพ่อวัดไทร ยังมีเรื่องเล่าอีกว่าก่อนหน้านี้ เคยจะมีเจ้าหน้าที่ เข้ามาบูรณะหลังคาโบสถ์ให้ใหม่ แต่ก็เมื่อเริ่มลงมือทำ

ก็เกิดฟ้าผ่า ทั้งยังเคยมีลูกศิษย์ลูกหา ฝันเห็นพระประธานองค์นี้ บอกว่าไม่สร้าง และดัดแปลงใดๆเกี่ยวกับอุโบสถ หากใครมาทำ ขอให้มีอันเป็นไป นี่เป็นความเชื่อ และเรื่องเล่าที่เล่าต่อกันมา ใครที่เป็นสายบุญ และอยากจะมาเที่ยววัดที่มีความร่มรื่น มารับลมเย็นๆ ไหว้พระทำบุญก็แนะนำเลยว่า มาที่วัดไทร แล้วคุณจะไม่ผิดหวัง

ที่เที่ยวเนปาล

เครื่องใช้สุดแปลก